1. นำน้ำตาลและเกลือมาละลายน้ำและคนจนละลาย จากนั้นจึงเทลงในส่วนผสมแป้ง
2. นำนมผงผสมกับแป้งให้เข้ากัน ไม่ควรให้สัมผัสกับน้ำเพราะจะทำให้นมผงจับกันเป็นเม็ด
3. การนวดโดนัทยีสต์ ควรนวดจนกระทั่งก้อนแป้งเนียน ไม่ติดอ่างผสม การนวดแป้งถ้านวดน้อยเกินไปสังเกตได้จากตัวของโดนัทไม่เรียบ มีผิวขรุขระ ซึ่งทำให้อมน้ำมันเวลาทอด
4. การใช้มือเจาะรูโดนัท จะทำให้ได้เนื้อโดนัทมากกว่าการใช้พิมพ์ตัดกดแป้ง
5. ควรพักแป้งให้มีการคลายตัวเสียก่อนที่จะเจาะรูโดนัท หรือการคลึงเป็นเส้นยาว ถ้าใช้เวลาพักแป้งน้อยเกินไปจะทำให้แป้งขาดเวลาเจาะรูหรือผิวของโดนัทฉีกขาด ทำให้เมื่อนำไปทอดผิวหน้าของโดนัทจะไม่เรียบ
1. แป้งสาลี
1.1 โดนัทยีสต์ ใช้แป้งขนมปังในอัตราส่วน 75-80% ต่อแป้งเค้ก 20-25% เพื่อที่จะทำให้ได้แป้งที่มีลักษณะเหนียวนุ่ม ไม่ควรใช้แป้งเค้กทำอย่างเดียวเพราะจะทำให้แป้งเหลวเกินไป และอมน้ำมันเวลาทอด
1.2 โดนัทเค้ก ใช้แป้งสาลีเอนกประสงค์หรือแป้งเค้กเป็นส่วนผสมหลัก เพื่อให้แป้งที่ผสมออกมามีความเหลวมากพอที่จะนำไปหยอดได้ แต่ถ้าต้องการทำแบบพิมพ์กดตัดแป้งให้ใช้แป้งสาลีเอนกประสงค์เพียงอย่างเดียว
แป้งสาลี (Wheat Flour) เป็นแป้งที่นิยมทำขนมอบทุกชนิด เมื่อผสมกับน้ำจะทำให้เกิดสารที่เรียกว่า “กลูเต็น” มีลักษณะเป็นยางเหนียวที่สามารถยืดหยุ่นได้ กลูเต็นนั้นจะเป็นตัวเก็บก๊าซเอาไว้ ทำให้เกิดโครงสร้างที่จำเป็นต่อผลิตภัณฑ์ และจะพองตัวเมื่อได้รับความร้อนจากเตาอบ
สิ่งสำคัญในการทำคัพเค้กคือชิ้นเค้กที่ดูสวยตลอดทั้งชิ้น ขนาดไม่ใหญ่โตเกินไป และมีสีสันสะดุดตา วัตถุดิบและอุปกรณ์ที่ใช้ทำคัพเค้กประกอบด้วย
1. ควรใช้เวลาในการผสมแป้งให้รวดเร็ว หากผสมแป้งนานเกินไปจะทำให้ขนมมีเนื้อที่เหนียวและแข็ง
2. อุณหภูมิที่เหมาะสมในการอบควรใช้ตั้งแต่ 375-400 องศาฟาเรนไฮต์ ลักษณะที่ดีของมัฟฟินจะต้องนูนและมีรอยแตกตรงกลาง ถ้าใช้อุณหภูมิที่อ่อนเกินไปจะทำให้ขนมที่ได้มีลักษณะที่แบน ไม่นูนสวย
วัตถุดิบที่ใช้ในการทำเอแคลร์
1. แป้งสาลี
1.1 การใช้แป้งขนมปัง จะได้เอแคลร์ที่เปลือกหนาและแข็งกระด้าง
1.2 การใช้แป้งเอนกประสงค์ จะได้เปลือกของเอแคลร์ที่พองตัวมากกว่า
1.3 การใช้แป้งเค้ก จะได้เปลือกเอแคลร์ที่นิ่ม
1. แป้งสาลี
คุกกี้ส่วนใหญ่นิยมใช้แป้งสาลีเป็นหลัก แต่ก็สามารถเลือกใช้แป้งได้ตามความเหมาะสม ถ้าใช้แป้งขนมปังก็จะได้คุกกี้ที่กรอบแข็ง ไม่นิ่มง่าย ถ้าใช้แป้งเอนกประสงค์ก็จะได้คุกกี้ที่กรอบร่วน ไม่แข็งและนุ่มง่ายมากเกินไป ถ้าใช้แป้งเค้กก็จะได้คุกกี้ที่คุกกี้ที่ไม่แข็งกระด้าง มีลักษณะนุ่มเล็กน้อยแต่ยังมีความกรอบอยู่ด้วย
เทคนิคและเกร็ดความรู้
1. คนไทยส่วนใหญ่ชอบคุกกี้ที่มีกลิ่นหอม และรสชาติที่ดีจากเนยสด ดังนั้นควรเลือกเนยสดจึงจะดีที่สุด แต่ถ้าต้องการลดต้นทุนก็สามารถใช้มาการีนทดแทนไ้ด้ในบางส่วน แต่ก็ต้องทดแทนด้วยกลิ่นสังเคราะห์ เพื่อช่วยให้ขนมน่ารับประทานมากขึ้น
ตารางการรทำงานก่อนเปิดร้านเบเกอรี่
ขั้นตอนแรก กำหนดวันเปิดร้าน จากนั้นก็
วางแผนการทำงานใน 1 ปี จำลองเวลา
เวลาไว้ที่ 1 ปี ในช่วงนั้นควรทำอะไร
จัดลำดับการทำงานให้แน่นอน
1. การผสมแป้ง
ส่วนที่ 1 ส่วนผสมของแห้ง ได้แก่ แป้ง ยีสต์ สารเสริมคุณภาพ นมผง ร่อนผสมเข้าด้วยกัน
ส่วนที่ 2 ส่วนผสมของเปียก ได้แก่ น้ำเย็น น้ำตาลทราย ไข่ไก่ เกลือป่น และ นมสด หรือนมข้นจืด คนให้เข้ากันจนละลาย
ส่วนที่ 3 ส่วนผสมไขมัน ได้แก่ เนยสด เนยขาว มาการีน หรือ น้ำมันพืช
1. แป้งขนมปัง
คือแป้งสาลีที่มีโปรตีนประมาณ 13-14% มีสีขาวนวลมากกว่าแป้งชนิดอื่น นิยมมาทำขนมปังต่างๆ เช่นเดนิช พิซซ่า ครัวซองท์ ปาท่องโก๋ บะหมี่ หรือใช้ทำเค้กที่ต้องการให้ได้เนื้อแน่นเช่นฟรุตเค้ก เพราะต้องการที่จะพยุงน้ำหนักของผลไม้ไม่ให้จม แป้งชนิดนี้มีคุณสมบัติพิเศษคือเมื่อนำมาผสมกับน้ำในอัตราที่เหมาะสม โปรตีนในแป้งจะปรับตัวให้เกิดโครงสร้างที่มีลักษณะคล้ายฟองน้ำ มีความเหนียวและยืดหยุ่น ทำให้สามารถอุ้มก๊าซเอาไว้ได้ (112 กรัม : 1 ถ้วยตวง)
ความรู้เรื่องเค้ก
เค้ก (Cake) มีรากศัพท์มาจากภาษาของชาวไวกิ้ง (Old Norse Word) ว่า Kala เป็นอาหารประเภทขนมอบซึ่งมีส่วนผสมคือแป้งสาลี ผงฟู เกลือ ไขมัน น้ำตาล ไข่ นม และกลิ่นรส เป็นส่วนผสมในเนื้อเค้กให้มีความสมดุลแตกต่างกันไปแล้วแต่ชนิดของเค้กนั้นๆ
เค้กเป็นอาหารที่มีประวัติยาวนานกว่า 2,000 ปี ตัวอย่างหลักฐานอย่างหนึ่งที่พบคือซากของหมู่บ้านในสมัยหินใหม่ ซึ่งนักโบราณคดีได้ค้นพบเค้กอย่างง่ายที่ทำจากเมล็ดธัญพืชบดแล้วนำมาปรุงสุกบนหินที่มีความร้อน